บัตรเครดิตที่ขาดอายุความ 2 ปี ไม่ต้องชำระหนี้

 

# บัตรเครดิตที่สิทธิเรียกร้องขาดอายุความ

บัตรเครดิต หรือ บัตรสินเชื่อ เป็นวัตถุอย่างหนึ่งซึ่งสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้จัดทำให้บริการโดยออกให้แก่ลูกค้า เพื่อนำไปใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าบริการต่าง ๆ รวมถึงสามารถนำไปใช้เพื่อเบิกเงินสดจากตู้เบิกเงินอัตโนมัติได้ด้วย    และสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตให้นั้นมีสิทธิเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ตามสัญญาและตามที่กฎหมายกำหนด  โดยการใช้บัตรเครดิตถือว่าเป็นวัตถุซึ่งสะดวกและปลอดภัยในการใช้จ่ายแทนเงินสด  แต่ความสะดวกความสบายในการใช้บัตรเครดิตนั้น  หากผู้ถือบัตรเครดิตขาดวินัยในการใช้อย่างไร้เหตุผลหรือใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเกินอัตรากำลังการชำระหนี้ที่พึงมีในการชำระหนี้ต่อสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตได้แล้ว  นอกจากหนี้เงินต้นในการนำไปใช้จ่ายที่ต้องชำระแก่เจ้าหนี้แล้วผู้ถือบัตรเครดิตอาจยังต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ในค่าปรับ  ค่าดอกเบี้ยผิดนัด  ค่าติดตามทวงถามเป็นจำนวนมาก  หากผู้ใช้ผิดนัดชำระหนี้    ซึ่งเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องที่จะบังคับให้ลูกหนี้ผู้ถือบัตรเครดิตชำระหนี้ได้ภายในกำหนด  2  ปี  นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด    แต่ถ้าหากเจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้เกินกว่าสองปีแล้ว  หนี้บัตรเครดิตนั้นย่อมขาดอายุความ

 

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 193/34  สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้   ให้มีกำหนดอายุความสองปี

(7) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (1) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึ่งได้รับในการนั้น  รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป

 

เรื่องจริงอิงฎีกา/  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7494/2549

..................จำเลยที่ 1 ได้สมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์และยอมให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือบัตรเสริม  โดยจำเลยทั้งสองสามารถนำบัตรเครดิตไปใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าบริการต่าง ๆ ตลอดจนเบิกเงินสดจากตู้เบิกเงินอัตโนมัติ  ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ทั้งนี้ โจทก์จะออกเงินทดรองแทนไปก่อนแล้วจะเรียกเก็บจากจำเลยทั้งสองในภายหลัง  จำเลยทั้งสองได้นำบัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้า  ค่าบริการ  รวมทั้งเบิกถอนเงินเรื่อยมา  โจทก์ได้ชำระแทนจำเลยทั้งสองแล้ว และการให้บริการดังกล่าวของโจทก์  โจทก์ได้เรียกเก็บค่าบริการและค่าธรรมเนียมด้วย  โจทก์จึงเป็นผู้รับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่จำเลยทั้งสอง  และการที่โจทก์ได้ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองแทนจำเลยทั้งสองไปก่อน  แล้วจึงเรียกเก็บเงินจากจำเลยทั้งสองในภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป  ดังนั้น สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (7)   เมื่อพิจารณาใบแจ้งยอดบัญชีเครดิต  จำเลยที่ 1 ใช้บัตรเครดิตของโจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2539 ครบกำหนดชำระหนี้  10 ตุลาคม 2539สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่  11  ตุลาคม 2539  ดังนั้น อายุความที่โจทก์จะต้องฟ้องร้องหนี้บัตรเครดิตที่จำเลยที่ 1 ใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2539 จึงถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2541   โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547   ซึ่งหลังครบกำหนดอายุความแล้วสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 ที่ใช้บัตรหลักจึงขาดอายุความ

Visitors: 58,987